Shipping คือ ตัวแทนหรือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งออกและผู้นำเข้าระหว่างการเดินเรือและสายการบิน โดยมีเรือเดินทะเลและตู้คอนเทนเนอร์เป็นของตัวเอง รวมถึงเป็นผู้ประสานงานระหว่างผู้ส่งออกสินค้าหรือผู้นำเข้าสินค้า และดำเนินการไปรับสินค้าจากโกดังของลูกค้า แล้วนำมาเก็บเข้าตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อทำการขนส่งไปยังท่าเรือหรือสายการบิน นอกจากนี้ยังจัดการเอกสารนำเข้า-ส่งออกทั้งหมด ใบขนส่งสินค้าสำหรับให้ด่านศุลกากร เอกสารของบริษัทขนส่งที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ
Freight Forwarder คือ ตัวแทน ตัวกลาง หรือบริษัทที่ทำหน้าที่แทนผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้า รับผิดชอบตั้งแต่การจองระวางเรือ, การบรรจุสินค้า, การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยที่ไม่มีเรือเดินทะเล หรือตู้คอนเทนเนอร์เป็นของตัวเอง ต้องเช่าเพื่อให้บริการผ่านการเดินเรือ ทางรถ และสายการบิน, การดำเนินพิธีการศุลกากรทั้งขาเข้า-ขาออก รวมไปถึงการจัดการเอกสารที่จำเป็นต้องยื่นให้กับทางศุลกากร
สรุป 3 ข้อความแตกต่างระหว่าง Shipping กับ Freight Forwarder ได้ดังนี้
1. Shipping มีเรือเดินทะเลและตู้คอนเทนเนอร์เป็นของตัวเอง แต่ Freight Forwarder ไม่มีเรือเดินทะเลหรือตู้คอนเทนเนอร์เป็นของตัวเอง ต้องเช่าเพื่อให้บริการเท่านั้น
2. ค่าใช้จ่ายของ Freight Forwarder มักจะสูงกว่า Shipping เนื่องจากการให้บริการบางอย่างเป็นการไปเช่าต่อ
3. ลูกค้าของ Freight Forwarder ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายเล็กหลายรายรวมกัน เพื่อใช้บริการคอนเทนเนอร์เดียวหรือสำหรับ 1 ตู้
บริการของ Shipping หรือ Freight Forwarder นับเป็นตัวช่วยที่ดี สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้า-ส่งออกสินค้า เนื่องจากช่วยลดต้นทุนในเรื่องของการเช่าหรือซื้อตู้คอนเทนเนอร์ และยังไม่จำเป็นต้องดำเนินการด้วยตัวเอง ให้ Whale Logistics Group ดำเนินการให้ เพราะบริการ Shipping & Freight Forwarder บริการทางเรือและอากาศครบวงจร พิธีการศุลกากร การขนส่ง และกระจายสินค้าผ่านแดน